top of page
The-most-successful-ideas-are-formulated-as-a-team-609070448_2700x3696 (1).jpeg

MC Blog

Writer's pictureMC

Being Busy Isn’t the Same as Being Productive

งานยุ่งไม่ได้แปลว่า Productive


“งานยุ่ง” เป็นคำติดปากของผู้ทำงานหลาย ๆ คน ซึ่งจริง ๆ แล้ว เวลาที่คุณรู้สึกว่างานเยอะเต็มไปหมด ไม่รู้ว่าจะทำอะไรก่อนดี คงเป็นความคิดที่ทุกคนคิดและสับสนอยู่ใช่ไหมคะ "การบริหารตนเอง" ให้งานที่ยุ่ง กลายเป็นงานที่ Productive จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง


Productive คือ ผลการทำงานที่มีคุณภาพและสร้างสรรค์ค่ะ การที่เราทำงานตลอดเวลา แต่ไม่สามารถส่งออกผลงานอะไรออกมาได้ ไม่เรียกว่าเป็นการทำงานที่ Productive


จากงานวิจัยพบว่า คนเราโดยปกติแล้วจะไม่ชอบการอยู่เฉย ๆ โดยไม่ทำอะไรเลย กล่าวคือ เราจะพยายามสรรหาอะไรก็ได้มาทำ เพื่อทำให้ตัวเองไม่ว่างค่ะ การที่เราไม่ว่างหรืองานยุ่ง อาจเป็นการยุ่งแบบไม่สร้างสรรค์ หรือไม่ได้ Productive อย่างแท้จริง ซึ่งเป็นพฤติกรรมปกติของมนุษย์ที่เมื่อเผชิญปัญหาก็จะเลือกทำอะไรบางอย่างให้ดูยุ่งไว้ก่อน แม้ว่าปัญหาเรื่องนั้นควรจะหยุดรอ หรือ ยังไม่ต้องทำอะไรก็ตาม ดังนั้น การจะทำตัวให้ Productive นั้น จะต้องอาศัยความท้ายทายที่มากขึ้น


แล้วจะทำอย่างไรที่จะช่วยให้การทำงานของเรา Productive มากขึ้น?


คำตอบ ก็คือ การที่เราใช้เวลาในการกลับมาคิดด้วยเหตุและผล จะช่วยให้เราเข้าใจการกระทำ เหตุการณ์ หรือ งานที่ต้องทำ มากขึ้น แล้วเลือกวิธีการที่ดีที่สุดเพื่อให้การทำงานเรื่องนั้นใช้เวลาน้อยที่สุดแต่ได้ผลลัพธ์ดีที่สุดค่ะ มาลองใช้เวลาช่วงเช้าสัก 15 นาที ในการวางแผนการทำงานแต่ละวัน จะสามารถช่วยให้เราส่งออกผลงานอย่าง Productive ได้มากขึ้น ดังนั้น ครั้งต่อไปที่คุณรู้สึกงานยุ่ง ลองหยุดคิดดูนะคะว่าอะไรเป็นสิ่งแรกที่คุณจำเป็นต้องทำให้เสร็จ แล้วลองจัดลำดับความสำคัญ จะช่วยให้การทำงาน productive มากขึ้นค่ะ


เทคนิคนี้ ไม่เพียงแค่ใช้ในการทำงานได้อย่างเดียว ทว่ายังสามารถนำไปใช้เวลาที่มีปัญหา ไม่ว่าจะกับในชีวิตประจำวัน หรือ บุคคล ได้อีกด้วยนะคะ เช่น เวลามีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน หรือ มีความขัดแย้งจากการประชุม การหยุดคิดด้วยเหตุผลเพื่อตัดสินใจ จะช่วยให้การตัดสินใจของเรานั้น มีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะ



#MissConsult #เคล็ดลับสำหรับผู้ทำงาน #Tips #beingproductive

Comments


bottom of page