top of page
Sky

MC Blog

Writer's pictureMC Team

“Curiosity”: The Key Competence for Success in 21st Century



“ความสงสัย” มีความพิเศษอย่างไร ทำไมถึงเป็นคุณสมบัติที่เรียกได้ว่าเป็นส่วนผสมที่สำคัญสำหรับความสำเร็จในปัจจุบัน
Curiosity

คงจะ “สงสัย” กันใช่ไหมหละครับว่า “Curiosity” หรือ “ความสงสัย” มีความพิเศษอย่างไร ทำไมถึงเป็นคุณสมบัติที่เรียกได้ว่าเป็นส่วนผสมที่สำคัญสำหรับความสำเร็จในปัจจุบัน


คุณสมบัตินี้จริงๆแล้วสามารถพบได้ตั้งแต่เหล่าผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จมีทรัพย์สินนับพันล้านดอลล่าห์เช่น Eric Schmidt, Elon Musk, Steve Jobs ไปจนถึงนักวิจัยจำนวนมากที่ได้รับ Nobel Prize พวกเขาแชร์สิ่งที่เหมือนกันสิ่งหนึ่งครับคือพวกเขาจะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอย่างน้อย 5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ด้วยความขี้สงสัยครับ


ที่น่าสนใจคือ World Economic Forum ก็จัดให้ “ความขี้สงสัย” เป็นหนึ่งในทักษะที่มีความสำคัญต่อการทำงานเป็นอันดับต้นๆต่อเนื่องหลายปี ตามมาอ่านกันเลยครับแอดมินจะเล่าให้ฟังว่ามันสำคัญอย่างไร และเราจะนำทักษะอันทรงพลังนี้ได้มาใช้ได้อย่างไร

ก่อนอื่นมีใครบ้างครับ ที่ตั้งเป้าหมายให้ตัวเองกันว่าอีกห้าปี สิบปีข้างหน้า เป้าหมายที่เราจะทำให้สำเร็จคืออะไร? พวกเรามักจะวางแผนระยะยาวให้กับชีวิตโดยกำหนดว่าในอนาคตเราอยากเป็นแบบไหน อยากมีอะไรบ้าง จากนั้นเราก็คิดกลับมาว่าเราต้องทำอะไรบ้างถึงจะประสบความสำเร็จแบบนั้นจริงไหมครับ?


แต่เพื่อนๆทราบกันไหมครับว่ามีการวิจัยล่าสุดในสาขา Artificial Intelligence (A.I) ปัดความเชื่อในการตั้งเป้าหมายระยะยาวนี้ทิ้ง เนื่องจากสิ่งที่พบคือบ่อยครั้งที่พบว่าเป้าหมายที่เราตั้งมักจะเป็นอุปสรรคในการคิดค้นอะไรที่ยิ่งใหญ่ หรือสิ่งใหม่ๆ จากหนังสือ Why Greatness Cannot Be Planned โดยนักวิจัยจาก Uber AI Labs ได้ให้โมเดลใหม่ว่าการจะประสบความสำเร็จและการจะพัฒนา Innovation ใหม่ๆ ในปัจจุบัน อาศัยสิ่งที่สำคัญคือ “ความสงสัย”


ทำไมหละ? ทำไมการวางแผนระยะยาวกลับเป็นเรื่องที่เป็นอุปสรรคต่อความสำเร็จของเราได้? แอดมินก็ต้องบอกว่าจริงๆแล้วคงต้องบอกว่าเป็นการยึดติดกับแผนที่ตั้งไว้,การไม่ให้ความสงสัย ได้ทำงาน และการที่เรามักวางแผนระยะยาวที่เราไม่สามารถเข้าใจสภาพแวดล้อมในอนาคตได้ดีพอ นี่ต่างหากหละครับที่ทำให้ การวางแผนของเรากลายเป็นอุปสรรคไปเสียแทน


เพราะการวางแผนจะช่วยเราได้ดี ถ้าเราเข้าใจจุดปัจจุบัน (Point A) ของเราและจุดในอนาคตที่เราจะไปถึง (Point B) รวมถึงเรารู้วิธีการเดินจาก A ไป B ได้ชัดเจน ทำให้เราสามารถปฏิบัติตามสูตรสำเร็จได้ แต่บ่อยครั้งในการวางเป้าหมายของชีวิต เรามักจะพูดถึงในระดับ 5 ปี 10 ปี ที่ความชัดเจนในวันนี้ ไม่ใช่ความชัดเจนของวันข้างหน้า สิ่งที่เราต้องการวันนี้อาจไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการเมื่อถึงเวลานั้น แต่เรากลับทุ่มเทปัจจุบันให้กับอนาคตที่เลือนลางและจับต้องได้ยาก?


ขณะที่ “ความสงสัย” กลับเป็นไฟที่กระตุ้นให้เราได้เรียนรู้ ได้ลอง ได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ได้รับมุมมองใหม่ๆ ซึ่งจะนำไปสู่ฐานความรู้ ต่อยอดไปสู่ความคิดสร้างสรรค์ และทำให้เราสามารถคิดค้นวิธีแก้ปัญหาใหม่ๆ เกิดกระบวนการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นความสามารถที่จำเป็นในยุคที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนในปัจจุบัน


นอกจากนั้นความพิเศษของ “ความสงสัย” ก็คือเราทุกคนเกิดมาพร้อมกับมันครับ ลองนึกภาพถึงเด็กๆเวลาเล่นของเล่น จับโน่น เล่นนี่ในห้อง เขาสามารถใช้เวลาหลายๆชั่วโมงได้ไม่เบื่อเลย กับการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ การหาคำตอบว่าสิ่งต่างๆที่อยู่รอบข้างมันคืออะไร และเขาก็ได้เข้าใจหลังจากใช้เวลาสนุกไปกับมัน


ลองคิดภาพว่าถ้าเป็นเราที่มีพื้นฐานความรู้ในเรื่องต่างๆมากกว่า สามารถเข้าใจและต่อยอดสิ่งต่างๆได้ ... ถ้าเรายังสามารถใช้ “ความสงสัย” ได้อย่างตอนที่เราเป็นเด็ก สนุกกับการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตื่นเต้นกับการไม่รู้ผลลัพธ์ที่แน่นอนของสิ่งที่เราทดลองทำ เหมือนเวลาที่เราใช้เวลาข้ามคืนโดยไม่รู้ตัวกับการอ่านนิยายหรือดูซีรีย์ เราจะสามารถเพิ่มศักยภาพให้ตัวเองได้มากแค่ไหนกัน


วันนี้แอดมินเลยอยากแชร์เคล็ดลับ 4 ข้อในการนำ “ความสงสัย” และ “การทำสิ่งที่น่าสนใจ” ไปใช้ในการเพิ่มศักยภาพให้ตนเองในการทำงาน เพื่อที่เราจะประสบความสำเร็จในศตวรรษที่ 21 นี้ครับ

1.ตั้งเป้าหมายระยะยาวให้ผ่อนลง แทนที่จะตั้งเป้าหมายว่า “ภายในสิบปีจะสร้างธุรกิจให้มีมูลค่าร้อยล้าน” สำหรับแอดมินจะตั้งว่า “จะพัฒนาแฟนเพจที่ให้แรงบันดาลใจและวิธีในการพัฒนาตนเองแก่คนอื่น โดยสามารถสนับสนุนแฟนเพจให้ประสบความสำเร็จและเติบโตไปกับเพจของเราได้”


2.ลองฟังและเปิดโอกาสให้สัญชาตญาณของเราได้ทำงาน เปิดโอกาสให้ตนเองได้ลองผจญภัยกับสิ่งใหม่ๆ ถ้าเรารู้สึกอยากลองทำโปรเจ็คไหนและรู้สึกว่ามันคุ้มค่าที่เราจะลงทุนเวลาอย่างเต็มที่กับมัน ก็ลองทำตามสิ่งที่ใจเราเรียกร้องและใช้เวลากับมัน เพราะจากอดีตมาจนถึงปัจจุบันความสำเร็จต่างๆที่เกิดขึ้นจากความบังเอิญนั้นมีมากมาย


3.ตื่นเช้ามาด้วยความรู้สึกสงสัย และพยายามรักษาความสงสัยนี้ไปตลอดทั้งวัน : ถ้ามีใครวิพากวิจารณ์เราด้วยคำพูดที่ฟังดูแรงเกินไป แทนที่เราจะตอบโต้เขากลับ ให้ใช้ความสงสัยของเรา พยายามเข้าใจเขาแทนว่าทำไมเขาถึงได้พูดหรือแสดงท่าทีแบบนั้น ลองถามเขาให้เขาอธิบายเพิ่มเติม ลองทำตัวเป็นผู้สังเกตการณ์ในเหตุการณ์นั้นๆบ้าง


4.แปลงความสงสัยให้เข้าสู่การวางแผนพัฒนาตนเองในระยะยาว เตือนตัวเองอยู่เสมอว่าถ้าเป้าหมายหนึ่งของเราแม้ไม่สำเร็จก็ไม่เป็นไร ยังมีสิ่งอื่นๆอีกมากที่เรายังสามารถทำได้ เส้นทางของเรายังอีกยาวและมันอาจจะไม่เป็นเส้นตรง


ถึงเวลาแล้วที่เราจะปรับการวางแผนอาชีพและการตั้งเป้าหมายของเราให้สามารถใช้และพัฒนาศักยภาพของเราได้เต็มที่ โดยทำตามสิ่งที่อินเนอร์ของเราเรียกร้อง และไม่ออกจากแผนที่เราวางไว้ ทำให้เราสนุกกับความเปลี่ยนแปลง ความไม่แน่นอน และทุกอุปสรรคที่อาจโผล่ขึ้นมา ถ้าเพื่อนๆทำได้จะพบว่าตัวเองอยู่กับปัจจุบันมากขึ้นและมีสติมากขึ้นครับ


(อ่านบทความเรื่องการเข้าใจตนเองและมีสติมากขึ้นได้จากลิ้งนี้เลยครับ) https://bit.ly/2MeUknc

มาเปลี่ยนสิ่งที่ทำในทุกๆวันให้มีความหมาย สนุกไปกับทุกช่วง ทุกขั้นตอนของชีวิต และไม่ลืมลงทุนพัฒนาตนเองกับเป้าหมายในอนาคต ท้าทายตัวเราให้สงสัยและสนใจในสิ่งที่เราทำ แล้วเพื่อนๆจะแปลกใจกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นครับ 😊


ใครที่ชอบอ่านบทความเกี่ยวกับการพัฒนาศักยภาพของตนเองอย่าลืมกดไลค์และติดตามเพจนี้ไว้นะครับ แอดมินจะนำสาระดีๆ ที่ได้รับการอัพเดตล่าสุดมาให้อ่านกันเรื่อยๆครับ :D



Comments


bottom of page