ไม่ว่าคุณจะหลงใหลในงานของคุณแค่ไหน ก็ยังมีบางงานที่คุณไม่อยากทำ เช่น นักการตลาดอาจสนุกกับการออกแบบแคมเปญอีเมลที่ได้ผลตอบรับดี แต่ไม่ชอบการดูแลฐานข้อมูล ส่วนนักพัฒนาอาจตื่นเต้นกับการแก้โค้ดที่ยากและท้าทาย แต่ไม่ชอบการประชุมกับลูกค้า
การหลีกเลี่ยงงานที่ไม่ชอบ ไม่ได้ทำให้งานนั้นหายไป บางครั้งการจัดการงานที่ยากและใหญ่ที่สุดก่อน แล้วก้าวข้ามมันไปจะดีกว่า นี่คือที่มาของวลี “Eat The Frog” หมายถึงการทำงานที่คุณไม่ชอบให้เสร็จก่อน เพื่อที่คุณจะได้มีเวลาสนุกกับงานอื่นๆ ที่ชอบในวันนั้น
ต้นกำเนิดของ “Eat The Frog”
วลีนี้ถูกนำมาใช้โดย Brian Tracy นักพูดสร้างแรงบันดาลใจ หมายถึงการทำงานที่ยาก น่าหงุดหงิด หรือจำเจก่อนงานที่คุณอยากทำ นักต่อต้านการผัดวันประกันพรุ่งอย่าง Tracy ได้นำคำกล่าวนี้มาใช้ในบริบทของมืออาชีพยุคใหม่ เป้าหมายคือการทำสิ่งที่ยากก่อนและทำให้งานที่เหลือง่ายขึ้น
แล้วมันได้ผลจริงหรือ?
การใช้เทคนิค “Eat The Frog” สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ แต่ขึ้นอยู่กับว่ามันเหมาะกับคุณหรือไม่ หากคุณพบว่ามี “งานที่ยาก” จำนวนมากเกินไปในแต่ละวัน นี่อาจเป็นสัญญาณของปัญหาที่ใหญ่กว่า บางทีคุณอาจไม่ถนัดกับสิ่งที่ทำหรือขาดทักษะที่จำเป็นต่องานนั้น
เทคนิค “Eat The Frog” ที่อาจช่วยคุณได้
1. จัดการกับ “งานที่ยาก” ในช่วงเช้า
ทำงานที่ยากในช่วงเช้าที่สมองปลอดโปร่งที่สุด เมื่อถึงช่วงบ่ายที่คุณเริ่มรู้สึกหมดพลัง ลองทำงานที่คุณชอบมากขึ้นเพื่อให้ตัวเองตื่นตัวอยู่เสมอ
2. จัดลำดับความสำคัญของงาน
จัดการกับงานที่ไม่ชอบแต่จำเป็นต้องทำ งานที่ไม่สำคัญและไม่ชอบไม่ถือว่าเป็น “กบ” คุณสามารถกระจายงานออกไปได้
3. ลดการทำงานแบบ Multitasking
การทำงานที่ยากในช่วงเวลาที่กำหนดจะช่วยให้คุณมีสมาธิ หลีกเลี่ยงสิ่งรบกวน และลดการทำหลายงานพร้อมกัน ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยให้คุณทำงานได้เร็วขึ้น
Eat The Frog และเติบโตไปพร้อมกัน
ไม่มีงานไหนที่สมบูรณ์แบบ ทุกคนต้องมีงานที่น่าเบื่อ ท้าทาย หรือไม่น่าสนุกที่ต้องทำ ซึ่งหมายความว่าคุณไม่ได้ทำมันคนเดียว การจัดการกับงานที่ยากจะช่วยให้คุณเติบโต สอนให้คุณมีความมุ่งมั่นและเชื่อมั่นในความสามารถของตัวเองในการทำงานต่างๆ และคุณอาจพบว่าเมื่อเวลาผ่านไป งานที่ยากจะกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นเพราะทักษะของคุณพัฒนาขึ้น
Comments